
“แม่ฮ่องสอนพัฒนาเมือง” ปั้นเป็นเมืองอัจฉริยะเชิงวัฒนธรรม ผนึก สกสว. สถาบันการศึกษาและเทศบาลเมืองในพื้นที่เร่งต่อยอดความสำเร็จ “พิพิธภัณฑ์มีชีวิต” เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจมุ่งยกระดับรายได้ต่อหัว พร้อมเปิดแพลตฟอร์มไอทีเพิ่มศักยภาพเชิงวัฒนธรรม ท่องเที่ยวและการเกษตร
ปัจจุบันจังหวัดแม่ฮ่องสอนแม้จะได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่มีรายได้ต่อครัวเรือนต่ำ หรือเฉลี่ยประมาณ 8,821 บาทต่อเดือนตามข้อมูลของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) เมื่อปี 2560 ต่อมาได้รับการจัดอันดับเป็นจังหวัดที่ประชาชนอยู่อาศัยอย่างมีความสุขมากเป็นอันดับ 1 ของไทยนั้น
นายกานต์ ปราณีตศิลป์ กรรมการ บริษัทแม่ฮ่องสอนพัฒนาเมือง จำกัด เปิดเผยว่า ได้ร่วมกับเทศบาลเมืองแม่ฮ่องสอนและองค์กรต่าง ๆ ในพื้นที่โดยได้รับงบประมาณสนับสนุนการวิจัยจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม(สกสว.) เร่งต่อยอดความสำเร็จของพิพิธภัณฑ์มีชีวิตของจังหวัดภายใต้โครงการ “พัฒนากลไกเพื่อการเป็นเมืองอัจฉริยะเชิงวัฒนธรรมและการประยุกต์ใช้แนวทางพิพิธภัณฑ์มีชีวิตในการจัดการเมืองแม่ฮ่องสอน” เพื่อมุ่งยกระดับรายได้ต่อหัวของประชากรให้สูงขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
ทั้งนี้แนวทางดำเนินการมุ่งพัฒนาไปสู่ระบบดิจิทัลผ่านเวบไซต์หรือแพลตฟอร์มดิจิทัลทันสมัยเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวสู่ตลาดอีคอมเมิร์ส เปิดโอกาสให้ประชาชนชาวแม่ฮ่องสอนได้เข้าสู่การตลาดผ่านเทคโนโลยีอย่างเปิดกว้างมากขึ้น พร้อมเปิดตลาดมาร์เก็ตเพลสด้านการท่องเที่ยวและสินค้าด้านการเกษตรให้ประชาชนในพื้นที่เร่งเพิ่มขีดความสามารถด้านการแข่งขันทางธุรกิจของตนเองไปสู่ตลาดในโลกออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดต่อไป
“ให้นักท่องเที่ยวภายนอกได้เข้าถึงแหล่งกิน แหล่งเที่ยว ไฮไลต์ด้านการเกษตร และแหล่งวัฒนธรรมต่าง ๆ ของเมืองแม่ฮ่องสอนมากขึ้นซึ่งเป็นอีกหนึ่งแนวทางของการยกระดับคุณภาพชีวิตและรายได้ต่อหัวของประชากรตามวัตถุประสงค์ ในอนาคตหากมีปริมาณนักท่องเที่ยวเพิ่ม จะส่งผลให้รัฐพิจารณาเพิ่มเที่ยวบิน และระบบสาธารณูปโภคอื่นๆต่อไป ขณะที่ภาคเอกชนเร่งพัฒนาที่อยู่อาศัย โรงแรม ตลอดจนภาคเอกชนอื่น ๆ ให้ความสนใจเข้ามาลงทุนในเมืองแม่ฮ่องสอนมากขึ้นโดยเฉพาะการขนส่งสินค้าเกษตรกรรมด้วยสายการบินไปสู่พื้นที่ต่าง ๆ ทั้งในและต่างประเทศ” นายกานต์ กล่าว
สำหรับแผนการขับเคลื่อนเริ่มขึ้นเมื่อประมาณ 3 เดือนที่ผ่านมาและจะใช้ระยะเวลาในปี 2563 ขับเคลื่อนโครงการให้เห็นผลเป็นรูปธรรมชัดเจนยิ่งขึ้น โดยแบ่งงานหลักออกเป็น 2 สาขา คือสาขาการพัฒนา และสาขาการวิจัย ที่จะลงลึกไปดูเกี่ยวกับลักษณะทางเศรษฐกิจ-สังคมและห่วงโซ่อุปาทาน ว่ายังขาดกลไกใดบ้างที่เป็นอุปสรรคทำให้ประชากรมีรายได้ต่อหัวต่ำ
“เมื่อได้ข้อสรุปจะนำไปวิเคราะห์เชิงนโยบายสาธารณะต่อไปโดยร่วมมือกับวิทยาลัยแม่ฮ่องสอน ส่วนในสาขาการพัฒนานั้น ช่วงต้นปี 2563 นี้จะเร่งพัฒนาเวบไซต์ให้ใช้งานได้ซึ่งเกิดจากการคิดและบูรณาการความร่วมมือของคนในท้องถิ่นทั้งสิ้น รวมถึงความร่วมมือกับวิทยาลัยการอาชีพนวมินทราชินีแม่ฮ่องสอน เบื้องต้นใช้พื้นที่ของเทศบาลเมืองแม่ฮ่องสอนและตำบลใกล้เคียงเป็นศูนย์รวมดำเนินการ”
นายกานต์ กล่าวอีกว่าในการลงพื้นที่ช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาพบว่าได้ข้อมูลเชิงสังคมและเศรษฐศาสตร์มหภาคที่น่าสนใจประการแรก คือประชากรเมืองแม่ฮ่องสอนไม่ได้ยากจนตามผลการสำรวจข้อมูลของ สศช. แต่มีลักษณะเป็นรายได้ต่ำ
ขณะที่กระบวนการจัดการกับการมีรายได้ต่อหัวต่ำมีความซับซ้อนมากกว่าปัญหาความยากจน กล่าวคือ ปัญหารายได้ต่ำต่อหัวจะแก้ปัญหาได้ยากกว่าเรื่องความยากจน ซึ่งเข้าไปเกี่ยวพันกับโครงสร้างภาครัฐโดยตรง
ประการที่ 2 แม่ฮ่องสอนไม่ใช่เมืองท่องเที่ยวเท่านั้น แม้จะมีชื่อเสียงโด่งดังแต่กลับพบว่าสร้างผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัด (GPP) ได้จำนวนประมาณเพียง 25% และคนแม่ฮ่องสอนส่วนใหญ่ราว 70% ยังอยู่ในภาคการเกษตร แต่ยังจัดว่าเป็นสังคมเกษตรกรรมยุค 2.0 ที่ยังติดปัญหา พ.ร.บ.ป่าไม้และข้อกำหนดผังเมือง
“ประการสำคัญชาวแม่ฮ่องสอนยังให้ความสำคัญต่อการรักษาอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมของตนเองไว้อย่างเหนียวแน่น ต้องการไลฟ์สไตล์แบบที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ดังนั้นจึงจะพัฒนาให้เป็นเมืองอัจฉริยะตามแบบฉบับแม่ฮ่องสอน นั่นคือ สมาร์ทซิตี้เชิงวัฒนธรรม โดยในแผนต่อไปจะดึงเทศบาลเมืองแม่ฮ่องสอนซึ่งเป็นพื้นที่ที่พิพิธภัณฑ์มีชีวิตตั้งอยู่เข้ามาร่วมขับเคลื่อนเป็นนโยบายสาธารณะต่อไป”
นายกานต์ กล่าวเพิ่มเติมว่าในเบื้องต้นนั้นเป็นความร่วมมือกันของภาคการศึกษาในพื้นที่เป็นหลัก โดยการพัฒนาด้านไอทีวิทยาลัยการอาชีพนวมินทราชินีแม่ฮ่องสอนรับดำเนินการ ร่วมกับสถาบันไทยใหญ่ศึกษา และวิทยาลัยชุมชนแม่ฮ่องสอน เป็นการขับเคลื่อนด้วยกำลังคนรุ่นใหม่ผสมผสานกับคนรุ่นกลางและรุ่นเก่าป้อนคอนเทนต์ เนื้อหานำเสนอองค์ความรู้ด้านไอที วัฒนธรรมและนวัตกรรมโดยใช้ศักยภาพคนรุ่นใหม่สื่อสารในการขับเคลื่อนโครงการ
“เมื่อพัฒนาเวบไซต์ได้สำเร็จจะเปิดรับน้อง ๆ เยาวชนคนรุ่นใหม่ในพื้นที่เข้ามาเป็นทีมงานขับเคลื่อน ให้ทุกคนสามารถสร้างงานสร้างอาชีพสร้างรายได้ในท้องถิ่น หรือกลับมาพัฒนาท้องถิ่นของตนเอง ด้วยศักยภาพทางด้านเทคโนโลยีแพลตฟอร์มใหม่เพื่อพลิกโฉมเมืองอัจฉริยะขับเคลื่อนเศรษฐกิจของจังหวัดแม่ฮ่องสอนให้สำเร็จตามวัตถุประสงค์และเกิดความยั่งยืนต่อไป”นายกานต์ กล่าว