
ฮานอย, 11 ก.ย. (ซินหัว) — เมื่อวันพฤหัสบดี (10 ก.ย.) แถลงการณ์ร่วมระบุว่า รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศจาก 10 ประเทศสมาชิกของสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ยืนยันคำมั่นสัญญาที่จะส่งเสริมความร่วมมือทั้งภายในกลุ่มและกับพันธมิตรเพื่อรับมือโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19)
เอกสารดังกล่าวเผยแพร่หลังการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนครั้งที่ 53 ซึ่งเริ่มจัดขึ้นเมื่อวันพุธ (9ก.ย.) ผ่านระบบวิดีโอลิงก์
“เราได้ตอกย้ำความสำคัญของแนวทางที่ทั้งอาเซียนต้องร่วมกันรับมือกับโรคโควิด-19 รวมถึงการดำเนินงานผ่าน ‘กรอบแผนฟื้นฟูอาเซียนที่ครอบคลุม’ ที่จัดการปัญหาได้อย่างทั่วถึงและปฏิบัติได้จริง” แถลงการณ์ระบุ
เมื่อกล่าวถึงต้นทุนมนุษย์ที่เพิ่มขึ้นและผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคมอันเกิดจากโรคโควิด-19 เหล่ารัฐมนตรีได้แสดงความมุ่งมั่นที่จะป้องกัน ตรวจจับ ควบคุม และตอบสนองต่อการแพร่ระบาดของโรคร้ายนี้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งจัดการกับความท้าทายต่างๆ ที่รุนแรงและมีหลากหลายแง่มุม
บรรดารัฐมนตรีต่างเรียกร้องให้มีการใช้กองทุนตอบโต้โรคโควิด-19 ของอาเซียนอย่างมีประสิทธิผล อีกทั้งตั้งเป้าสร้างความคืบหน้าต่อไปในโครงการริเริ่มต่างๆ เพื่อรับมือกับโรคโควิด-19 พวกเขายังตั้งตารอการนำเสนอกรอบแผนฟื้นฟูอาเซียนที่ครอบคลุมและแผนดำเนินการ ที่จะเกิดขึ้นในการประชุมสุดยอดอาเซียนช่วงปลายปีนี้ด้วย
นอกจากนี้ บรรดารัฐมนตรีต่างประเทศยังเน้นความสำคัญของการทำงานร่วมกันและการแบ่งปันประสบการณ์กับพันธมิตรของอาเซียนในด้านการวิจัย การพัฒนา การผลิต และการกระจายวัคซีน อีกทั้งการเปิดช่องทางการเข้าถึงยาสำหรับโรค โควิด-19 และโรคอื่นๆ เพื่อรับมือกับภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขในอนาคต และทำให้สิ่งเหล่านี้กลายเป็นสินค้าที่หาซื้อได้ ในราคาไม่แพง และเป็นสินค้าสาธารณะของโลก
เมื่อกล่าวถึงความท้าทายที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนอันเกิดจากโรคโควิด-19 ในด้านเศรษฐกิจ บรรดารัฐมนตรีได้ย้ำถึงความมุ่งมั่นที่จะรักษาการเปิดกว้างของตลาดสำหรับการค้าและการลงทุน อีกทั้งการไม่กำหนดมาตรการที่มิใช่ภาษีโดยไม่มีความจำเป็น เพื่อรับประกันการเชื่อมโยงระหว่างห่วงโซ่อุปทาน โดยเฉพาะอาหาร ยา เวชภัณฑ์ และผลิตภัณฑ์จำเป็นอื่น ๆ

ในประเด็นความสัมพันธ์กับหน่วยงานภายนอก คณะรัฐมนตรีอาเซียนได้ยืนยันความเชื่อของพวกเขาว่าระบบภูมิภาคนิยมและพหุภาคีนั้นเป็นหลักการและกรอบความร่วมมือที่สำคัญ ทั้งยังเน้นถึงความสำคัญของความเป็นหุ้นส่วนของอาเซียนกับพันธมิตรภายนอกอื่นๆ เพื่อจัดการกับประเด็นที่ทั่วโลกกังวลและการดำเนินตามเป้าหมายร่วมกัน
“เราเห็นพ้องที่จะเสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วนและความร่วมมือกับพันธมิตรภายนอกของเราให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยผลักดันความพยายามอย่างต่อเนื่องในการบรรลุวิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียนปี 2025 และการตอบสนองเชิงรุกต่อความท้าทายที่กำลังจะเกิดขึ้น” แถลงการณ์ระบุ
นอกจากนี้ บรรดารัฐมนตรียังตกลงที่จะสานต่อโครงการริเริ่มและการดำเนินงานสำคัญต่างๆ ในปีนี้ รวมถึงการโน้มนำวิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียน 2025 ไปใช้อย่างมีประสิทธิผล การหารือเกี่ยวกับวิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียนหลังปี 2025 และเครือข่ายเมืองอัจฉริยะของอาเซียน
พวกเขาเห็นพ้องต้องกันว่าอาเซียนจำเป็นต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่องเพื่อร่วมจัดการกับความท้าทายด้านความมั่นคงรูปแบบใหม่ เช่น การก่อการร้าย อาชญากรรมข้ามชาติ การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ และโรคระบาด
การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนครั้งที่ 53 และการประชุมที่เกี่ยวข้องจัดขึ้นระหว่าง 9-12 ก.ย. นี้ โดยคาดว่าจะมีการออกและรับรองเอกสารทั้งสิ้น 40 ฉบับ ผู้จัดงานระบุ
อนึ่ง สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ก่อตั้งขึ้นในปี 1967 ประกอบด้วย บรูไน กัมพูชา อินโดนีเซีย ลาว มาเลเซีย เมียนมา ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย และเวียดนาม โดยเวียดนามรับหน้าที่เป็นประธานอาเซียนในปี 2020 นี้
ข่าว – ภาพ : xinhuathai