
แต่ละคนมีบทบาทและหน้าที่ต่างกรรมต่างวาระกันไป หากใครสวมหมวกหลายใบอาจจะเหนื่อยสักหน่อย สำหรับผู้ชายคนนี้ “สินชัย เอื้ออัครวงษ์” แม้จะเหนื่อยแค่ไหนแต่ก็หายเหนื่อย เนื่องจากรักและภูมิใจที่ได้ทำบทบาทและหน้าที่ในหมวกแต่ละใบที่สวมใส่เป็นอย่างดีที่สุด
ปัจจุบัน “คุณสินชัย เอื้ออัครวงษ์” มีบทบาทและหน้าที่หลักถึง 4 อย่างด้วยกัน เริ่มจากเป็นเจ้าของแบรนด์กระเป๋าและเครื่องหนังไทยที่ติดตลาดทั้งในไทยและต่างประเทศมานานอย่าง “Iris Montini” (ไอริส มอนตินี่) โดยเขามีความสามารถในทุกขั้นตอนการผลิต ตั้งแต่ออกแบบดีไซน์จนถึงวางจำหน่าย จึงทำให้เขามีต้นทุนที่ดีกับการทำงานทางด้านธุรกิจนี้
คุณสินชัย กล่าวว่า ผมชอบอ่านประวัติของนักธุรกิจ โดยเฉพาะคนไทย ซึ่งหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้พวกเขาประสบความสำเร็จคือ การลงมือทำตั้งแต่เริ่มต้นจนจบ หากเปรียบเทียบเป็นขบวนการผลิตก็คือ ปัจจัยนำเข้า ที่ต้องมี อาทิ การหาวัตถุดิบ เครื่องมือเครื่องจักรต่าง ๆ การหาแรงงาน การสร้างระบบการจัดการ การดูขีดความสามารถในการแข่งขัน ต่อมาคือ กระบวนการแปรสภาพ ที่มี อาทิ กระบวนการผลิต การขนส่ง คลังสินค้า การค้าปลีก การค้าส่ง การติดต่อสื่อสาร และการใช้จิตวิทยาในเรื่องต่าง ๆ สุดท้ายคือ ผลผลิต ที่มาในรูปแบบของสินและบริการ
“ทั้งนี้ Iris Montini แบรนด์สินค้าของผมและของคนไทยที่อยู่ได้ด้วยมาถึงทุกวันนี้ก้าวสู่ปีที่ 30 แล้ว เป็นเพราะผมรักในงานและดูแลทุกขั้นตอนผลิตนั่นเอง ทำให้เรารู้ทุกซอกทุกมุม สามารถก้าวทันกับการพัฒนาและแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่แต่ละยุคแต่สมัยมีความแตกต่างกันออกไป ผมจะเตือนใจเสมอว่า ความผิดพลาดไม่ใช่เป็นเรื่องที่น่ากลัว แต่สิ่งที่น่ากลัวคือ การไม่รู้ตัวเองว่าทำผิดพลาด และผิดพลาดแล้วก็ไม่ยอมแก้ไข อันนี้น่ากลัวยิ่งกว่า”
ต่อมาเมื่อมีต้นทุนในการทำธุรกิจที่ดี เขาจึงได้เวลาและโอกาสที่ดีกับการได้ทำงานร่วมกับศูนย์ออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ (Thai-IDC) กองพัฒนาอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ / กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม/ กระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะ”อาจารย์และวิทยากร”
“จากประสบการณ์การทำงานที่สั่งสมมาของผม ทำให้เวลาเราไปทำหน้าที่อาจารย์และวิทยากรก็จะสามารถถ่ายทอดเป็นอย่างมีศิลปะและจิตวิทยา ซึ่งเกิดองค์ความรู้ที่เป็นข้อมูลจริงจากประสบการณ์โดยตรง ภายใต้จริยธรรมและจรรยาบรรณที่ดี”
คุณสินชัยยังกล่าวด้วยว่า การเป็นอาจารย์และวิทยากรนั้นไม่ใช่แค่มีพรสวรรค์อย่างเดียว หากแต่เราต้องมีพรแสวงด้วย เราต้องเติมเต็มความรู้อยู่ตลอดเวลา ตราบใดที่โลกหมุนไม่หยุด ความรู้เราก็ต้องไม่หยุดที่จะเรียนรู้เช่นกัน สำหรับการเป็นอาจารย์และวิทยากรเราต้องค้นคว้าข้อมูลที่อัพเดต เก็บสะสมข้อมูลต่าง ๆ ให้เป็นระบบระเบียบ แบ่งเป็นประเภทต่าง ๆไว้ พยายามศึกษาข้อมูลแต่ละประเภท สามารถจับประเด็นและหักมุมนำเข้าในเรื่องที่จะเสนอให้ได้
หมวกอีก 1 ใบที่ดูเหมือนจะแตกต่างจากหมวกใบอื่นๆ นั่นคือ การเป็น “นักแสดงและพรีเซ็นเตอร์” โดยเขาเล่าว่า จากการที่ทำธุรกิจและเป็นวิทยากรทำได้รู้จักผู้คนมากมาย ด้วยความที่เราเป็นคนง่าย ๆ สามารถทำงานร่วมกับคนได้ภายใจมนุษยสัมพันธ์ที่ดี จึงได้รับโอกาสจากคนรอบข้างในการต่อยอดไปสู่งานพรีเซ็นเตอร์และงานด้านการแสดง
“ผมคิดว่าจะประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านร้อนผ่านหนาว อีกทั้งมีพี่ ๆ เพื่อน ๆ น้อง ๆ ที่อยู่ในแวดวงบันเทิง สามารถทำไปประยุกต์ใช้กับงานพรีเซ็นเตอร์และการแสดงได้เป็นอย่างดี ทำให้เรามีความมั่นใจในการกล้าแสดงออก แล้วไม่ว่าคุณจะทำอะไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่สุดคือการทำการบ้านอย่างเสมอต้นเสมอปลาย คือเตรียมตัวมีชัยไปกว่าครึ่ง นอกจากนี้การมีกริยามารยาทที่ดี การตรงต่อเวลา การมีน้ำใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ซึ่งกันและกันก็เป็นองค์ประกอบที่มีความสำคัญมาก”
ส่วนหมวกอีกใบคือ การเป็น “พ่อของลูก” ปัจจุบันลูกสาวทั้ง 2 คน มีการศึกษาและมีหน้าที่การงานที่ดี จึงไม่แปลกที่เขาจะได้รับรางวัล “พ่อตัวอย่าง” เมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา คุณสินชัย กล่าวว่า ในการเลี้ยงลูกนั้น เราต้องเป็นคุณพ่อที่มีความร่วมสมัยเข้าใจชีวิตเด็กยุคใหม่ เป็นอะไรได้มากกว่าความเป็นพ่อ โดยเฉพาะการเป็นพี่เป็นเพื่อน บางครั้งการที่เราทำหน้าที่ของความเป็นพ่อมากเกินไปก็จะทำให้ลูกอึดอัด ไม่กล้าเข้าไม่ใกล้ มีปัญหาไม่กล้าปรึกษา จึงให้เวลาลูก ๆ มีอะไรทั้งเรื่องดีหรือเรื่องปัญหาต่าง ๆ เขาจะนึกถึงเราเลย จึงสามารถช่วยให้เราได้รับรู้เรื่องราวต่าง ๆได้อย่างไม่มีปิดบังซ่อนเร้น หากเป็นเรื่องของปัญหา ลูกๆมักได้คำปรึกษาที่ดีกลับไปเสมอ
และนี่คือผู้ชายคุณภาพอีกหนึ่งคนที่เป็นแบบอย่างที่ดีทั้งในการทำงานและดำเนินชีวิต ที่ใคร ๆ หลายคนควรดูเป็นต้นแบบ