
นักธุรกิจ “เอสเอ็มอีไทย” ใจสู้ฝ่าวิกฤตโควิด-19 ไม่ลดพนักงาน-เน้นลดต้นทุน ประคับประคองให้เศรษฐกิจไทยเดินหน้าต่อ
“ชุติญา ศรีสุนทรประภา” กรรมการผู้จัดการ บริษัทยัวร์บิวตี้ อินโนเวชั่น จำกัด ผู้ผลิตและทำตลาดผลิตภัณฑ์ดูแลผิวแบรนด์ “เมอร์ทิซ” (Merthis) กล่าวถึงแผนการตลาดในการนำพาธุรกิจให้ก้าวข้ามวิกฤต “โควิด-19” ว่า บริษัทปรับกลยุทธ์ในส่วนการทำตลาดผลิตภัณฑ์ดูแลผิว แบรนด์ “เมอร์ทิซ” (Merthis) โดยเน้นไปที่ช่องทางจำหน่ายใหม่ทางการตลาดออนไลน์ เช่น การขายผ่านแอพพลิเคชั่นมูมอลล์ (MOO MALL) และ การปรับมาเป็นพรีเซนต์เตอร์สินค้าเอง แทนการจ้างดาราเป็นพรีเซนต์เตอร์ เพื่อลดค่าใช้จ่ายและประคับประคองธุรกิจให้อยู่รอดได้ท่ามกลางวิกฤตโควิด-ไนน์ทีน (COVID-19)

“ยอมรับว่า พอเจอโควิด ทุกคนพับโครงการ ทุกธุรกิจพับหมดเลย มีการลดพนักงาน ปิดกิจการ ช่วงโควิด-19 ระบาด 2-3 เดือน ประเทศไทยก็เจออะไรเยอะแยะ แต่เป็นสิ่งที่ทำให้เกิดยุคของการเปลี่ยนแปลง ทำให้เรารู้สึกว่า ต้องกลับมาสู้ด้วยตัวเอง ยืนด้วยลำแข้งของตัวเราเอง ถ้าเราลดต้นทุนได้มากเท่าไหร่ เราก็ทำให้ธุรกิจเราอยู่ได้นาน ถ้ากำไรช่วงนี้ก็ไม่ได้นึกถึง เพราะต้องไปอีกข้างหน้า แต่จะทำอย่างไรให้ธุรกิจของเรายืนหยัดอยู่ได้ในช่วงนี้ ก็เลยมีความรู้สึกว่า ท่ามกลางวิกฤตเราหยุดนิ่งไม่ได้ และต้องมีการปรับแผนการทำตลาดผลิตภัณฑ์ดูแลผิว ต้องมาเป็นพรีเซนต์เตอร์เอง แต่ยังให้ความสำคัญกับจุดแข็ง คือ ตัวสินค้า (Product) รวมทั้งปีนี้ยังมีการวางตำแหน่งทางการตลาดของตัวสินค้าใหม่ (Positioning) โดยจะไม่ไปพูดถึงเคานท์เตอร์แบรนด์มาก และเน้นให้แบรนด์มีความเป็นตัวของตัวเอง คือ ทำอย่างไรให้กลุ่มวัยทำงาน อายุ 25 ปี ขึ้นไปรู้สึกว่า ผิวของคุณต้องการดูแลแล้ว และไว้วางใจให้เมอร์ทิชดูแลผิวพรรณ และ ลูกค้ารู้สึกว่าต้องการกลับมาใช้เมอร์ทิซอีก” คุณชุติญา กล่าว

ทั้งนี้ ในส่วนของผลิตภัณฑ์ดูแลผิว แบรนด์ “เมอร์ทิซ” จัดเป็นหนึ่งในธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) หรือ เอสเอ็มอีไทย เนื่องจากเป็นผลงานวิจัยของคนไทย รวมทั้งการผลิตและการทำตลาดเป็นของคนไทยร้อยเปอร์เซนต์

สำหรับคุณชุติญา ศรีสุนทรประภา นอกจากเป็นผู้บริหารผลิตภัณฑ์ดูแลผิว “เมอร์ทิซ” แล้ว ปัจจุบันคุณชุติญายังเป็นผู้บริหารงานธุรกิจในเครืออีก 5 ธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจดูแลระบบให้กับบัตรเครดิตกรุงไทย , ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ , ธุรกิจไฟแนนซ์ , ธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้า และ ธุรกิจประกันชีวิต โดยท่ามกลางสถานการณ์โควิด-ไนน์ทีน ยังไม่มีการปลดพนักงานแม้แต่คนเดียว และยังคงดูแลพนักงาน 50-60 ชีวิต ด้วยการดำเนินธุรกิจที่มีการหมุนเวียนด้านพนักงานให้อยู่ในสภาพปกติที่สุด

โดยแรงบันดาลใจของคุณชุติญา ในการฝ่าฟันกับวิกฤตโควิด-19 อันดับแรก คือ ครอบครัว รองลงมาคือ พนักงานในองค์กร และ อันดับสาม คือ การศึกษาธรรมะ ทั้งสวดมนต์และนั่งสมาธิ โดยช่วงวิกฤตโควิด-19 เป็นช่วงเวลาที่คุณชุติญามีโอกาสได้สวดมนต์และนั่งสมาธิมากขึ้น ซึ่งทำให้ได้กำลังใจในการฝ่าฟันกับอุปสรรคที่เข้ามา รวมถึงได้ใช้เวลาปรับแผนการตลาดเพื่อประคับประคองธุรกิจให้อยู่รอดได้
