ระบุ มีแต่คนโง่เขลาเท่านั้น ที่เร่งขึ้นดอกเบี้ยมากๆ เร็วๆ ค้ำค่าเงินบาท แล้วเศรษฐกิจไทยก็ล่มจมเป็น “กบต้ม”
ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช ศาสตราจารย์ เศรษฐศาสตร์มหภาค อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า เมื่อวานนี้ แบงค์ชาติขึ้นดอกเบี้ย 0.25% รวมเป็น 1% เพื่อประคองเศรษฐกิจไทยที่เพิ่งฟื้นตัว เพื่อให้ประชาชนมีรายได้ มีงานทำ นั้นถูกต้องแล้ว ไม่ควรขึ้นดอกเบี้ยมากๆ เร็วๆ จะทำให้เศรษฐกิจไทยล่มจม เป็น “กบต้ม”
แต่ดูเหมือนคนในตลาดเงินตลาดหุ้นไม่ชอบใจ ที่เงินบาทอ่อนค่าลงอีกเป็น 38.4 บาทต่อเหรียญ และตลาดหุ้นลง ซึ่งความจริงเงินบาทยังแข็งเกินไปเมื่อเทียบกับเงินเยน เงินหยวน เงินริงกิต และอีกหลายสกุล เงินบาทควรอ่อนค่าตามเงินประเทศต่างๆ ของโลก เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขัน
ส่วนเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นนั้น เพราะรัฐบาลสหรัฐฯ ขึ้นดอกเบี้ย เพื่อลดรายได้ของประเทศ (GDP) ลดการจ้างงาน เนื่องจากเศรษฐกิจเขาร้อนเกินไป หากประเทศไทยที่เพิ่งฟื้นขึ้นมา ไปขึ้นดอกเบี้ยมากๆ ตาม ผลผลิตมวลรวมของชาติ (GDP) ก็จะลดลง คนตกงาน ไม่มีรายได้
“เราบริหารเศรษฐกิจเพื่อประชาชนคนยากคนจนในชาติให้มีฐานะความเป็นอยู่ที่ดี เรื่องการลงทุนในตลาดหุ้นตลาดเงิน เป็นเรื่องที่นักลงทุนต้องรับความเสี่ยงเอง ประเทศและประชาชนจึงไม่จำเป็นต้องไปตามใจนักเล่นหุ้นฯ โดยไปช่วยพยุงหุ้น พยุงค่าเงินบาท ซึ่งอาจถูกโจมตีค่าเงินได้ และขาดทุนทันทีเปล่าๆ เฉกเช่น กรณีประเทศไทยล้มละลายในปี 2540 รัฐบาลต้องดูแลประชาชน ให้มีรายได้มีงานทำ ขายของได้ ส่งออกสินค้าได้ เศรษฐกิจเจริญเติบโตดี เพราะประชาชนไทย ยังยากจน ยังไม่มีงานทำอยู่มาก มีแต่คนโง่เขลาเบาปัญญาเท่านั้น ที่กลัวตลาดเงิน คอยปฏิบัติตามความต้องการของนักเล่นหุ้น นักเก็งกำไร ด้วยชีวิตและคราบน้ำตาของประชาชนในชาติ”
หากมีหน่วยงานที่ “บ้าจี้” ไปทำให้ค่าเงินบาท ให้แข็งค่าอยู่ที่ 35 บาทต่อเหรียญ ตาม “ความรู้สึก” (ไม่ใช่ความรู้) ของผู้นำ เช่น เอาเงินคงคลังไปแลกดอลลาร์ แล้วไปซื้อเงินบาทไว้ วันนี้คงถูกนักลงทุนทั่วโลก ขายเงินบาทให้รัฐบาลไทย อย่างถล่มทลาย แล้วรัฐบาลก็ขาดทุนทันที เหมือน “เอาช้อนไปรองรับน้ำตก แล้วคิดว่าจะหยุดน้ำตกได้”
หรือเช่น ให้แบงค์ชาติขึ้นดอกเบี้ยสูงๆ เร็วๆ เพื่อหยุดเงินทุนระยะสั้น (ซึ่งเป็นเงินกู้ทั้งนั้น) ไม่ให้ไหลออก เงินบาทจะได้แข็งค่าตามดอลลาร์ไปเรื่อยๆ และตลาดหุ้นอาจตกไม่มาก แต่จะทำให้การส่งออกและท่องเที่ยวลดลง เพราะเงินบาทจะแข็งค่าเทียบกับทุกสกุลทั่วโลก (เว้นดอลลาร์) การลงทุนลดลงเพราะดอกเบี้ยสูงขึ้น เป็นผลให้เศรษฐกิจไทยซึ่งต่ำเตี้ยอยู่แล้ว ตกลงไปอีก ประชาชนจะตกงาน รายได้จะลดลง ถึงเวลานั้น แม้สินค้านำเข้าถูกลงไปบ้าง ก็ไม่มีเงินซื้อ
“นับเป็นเรื่องไร้สาระที่มีคนบอกให้ทำเงินบาทแข็งค่า เพื่อลดเงินเฟ้อ เงินเฟ้อในไทยนั้น มาจากการขึ้นของราคาพลังงานโลกถึง 30-40% จะไปแข็งค่าเงินบาทเพื่อชดเชยได้อย่างไร จะถูกโจมค่าเงินบาทเหมือนปี 2540 แล้วขาดทุนอย่างมากมายไปเปล่าๆ รัฐบาลและนักเล่นหุ้น ควรเลิกคิดที่จะพยุงค่าเงินบาทและตลาดหุ้น ด้วยชีวิต, เลือดเนื้อ และความยากจนข้นแค้นของประชาชนไทย” ดร.สุชาติ กล่าว